ยอดขายตก ทำยังไงดี การตลาดแบบไหนช่วยได้บ้าง

เผยตำราแก้ยอดขายตก ควรใช้การตลาดแบบไหนเข้ามาช่วยดี

ก่อนที่เราจะทำการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายนั้น เราจะต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทไหน ระยะเวลาเท่าไหร่ พฤติกรรมของผู้ซื้อเป็นอย่างไร พวกเขาต้องการอะไร และเมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็สามารถที่จะลุยกลยุทธทางการตลาดได้อย่างเต็มที่ และในบทความนี้แอดมินจะมาชี้เป้าว่า เราควรทำการตลาดแบบไหน เพื่อที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย ในช่วงที่ยอดขายตกได้ โดยจะมีอยู่ 8 กลยุทธ์ดังนี้

 

1.ใช้กลยุทธการทำตลาดออนไลน์ด้วย Seeding

การทำ Seeding นั้น จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด เนื่องจากเราสามารถทำ Seeding ได้แทบจะทุกแพลตฟอร์ม สามารถเข้าไปดักกลุ่มลูกค้าที่คาดว่ามีความสนใจในสินค้า หรือบริการของเรา ยกตัวอย่างเช่น คลินิกเสริมความ เราก็อาจจะเข้าไป Seed ในพวกระทู้ Pantip หรือในกลุ่มต่างๆ ที่มีคนสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว จากนั้นสร้างการรับรู้แบรนด์ ด้วยการโพสต์ หรือการตอบคอมเม้นท์ ในเชิงบวก เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่านได้ทราบว่า มีคลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการอยู่ และมีจุดเด่นอย่างไร ต่างจากคลินิกอื่นๆ ยังไง

ยอดขายตก

ซึ่งในส่วนนี้หากคุณยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน แนะนำว่าควรจะจ้างผู้ให้บริการรับทำ Seeding ให้เป็นผู้ดำเนินการให้ จะดีกว่า ทั้งนั้นก็เพื่อลดข้อผิดพลาด และปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาในภายหลัง

 

2.ใช้ SEO เข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย

แน่นอนว่าก่อนที่คุณจะเริ่มทำ SEO คุณจะต้องมีเว็บไซต์ก่อน ใช่ว่าอยู่ดีๆ คุณจะเข้ามาทำได้เลย หรือถ้าหากคุณมีเว็บไซต์แล้วการทำ SEO ก็ไม่ใช้ปัญหาอีกต่อไป หน้าที่ของคุณมีเพียงแค่กำหนด Keyword ที่ต้องการจะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกบน Google โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ Keyword ก็มีอยู่หลายตัว เช่น Google Keyword Planner, Google Trends, SEMRush, Ubersuggest เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือพวกนี้จะระบุได้ว่าแต่ละKeyword นั้น มีจำนวนคนค้นต่อเดือนเท่าไหร่ เป็นตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถที่จะเลือกKeyword ได้ง่ายขึ้น และรู้ว่า Keyword ไหนมีประโยชน์ต่อธุรกิจของเรา

ยอดขายตก

และเมื่อคุณเลือก Keyword ได้แล้วการโปรโมทเว็บไซต์ ก็คือขั้นตอนต่อไปที่จะทำ โดยระยะการเห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับความยากง่ายของ Keyword ว่ามีคู่แข่งจำนวนเท่าไหร่ ถ้าหากมีคู่แข่งจำนวนมากก็อาจจะต้องใช้เวลานาน โดยระยะเวลาเฉลี่ยแล้วก็ไม่ต่ำกว่า 3 -6 เดือน ดังนั้นเราคุณใจเย็นๆ เลยรอดูผลลัพธ์ไปเรื่อยๆ  เพราะว่ามันไม่ใช่การยิง Ads และเมื่อเว็บไซต์ของคุณเริ่มติดหน้าแรกของ Google แล้ว ก็จะมีtraffic เพิ่มมากขึ้น และมีคนรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ โดยถ้าเทียบกับการยิงAds แล้ว การทำ SEO ถือว่าใช้งบประมาณน้อยกว่า และคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า

 

3.การยิง Ads โฆษณา เพื่อช่วยให้เข้าถึงคนได้อย่างรวดเร็ว

การเลือกโปรโมทโดยการยิง Ads โฆษณา เป็นทางลัดที่หลายๆ แบรนด์เลือกใช้ เนื่องจากมันสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการจ่ายงบประมาณในการโปรโมทจำนวนมหาศาล ดังนั้นในทุกๆ สัปดาห์ หรือทุกๆ แคมเปญ ทางแบรนด์จะต้องรู้ว่าควรจะรันโฆษณานั้นๆ ต่อไปหรือไม่ และได้ยอดขายกลับคืนมามากน้อยเพียงใด ยังคุ้มค่าที่จะโปรโมทต่ออีกหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการซื้อโฆษณาจะได้ผลดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคนยิง Ads  ว่ามีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือความน่าสนใจของ Content ที่คุณจะนำไปโปรโมทว่ามีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด ดังนั้นของการทำกราฟฟิกให้ดึงดูดผู้อ่านก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน

ยอดขายตก

 

4.การจ้าง influencer เพื่อรีวิวแบรนด์

การใช้ influencer เข้ามาช่วย ถือเป็นกลยุทธ์เด็ดอีกอย่างหนึ่งที่ได้หลายแบรนด์ทำเนื่องจากกลุ่ม influencer เหล่านี้ มักจะมีผู้ติดตามหรือ FC อยู่แล้ว ทำให้เวลารีวิวหรือโปรโมทสินค้าใดๆก็ตาม ก็จะทำให้เข้าถึงคนได้จำนวนมากและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง ทำให้มีคนกล้าซื้อและใช้ตาม แต่ว่าในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มที่จะเชื่อ influencer น้อยลง เนื่องจากรู้กันดีอยู่ว่าเป็นการจ้างรีวิว ดังนั้นหากคุณมีงบประมาณในการทำตลาดที่จำกัด ก็ควรที่จะนำงบประมาณไปใช้ในส่วนอื่นๆ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจจ้าง influencer

ยอดขายตก

 

5.การขึ้นป้าย Billboard หรือการแจกใบปลิว

แม้ว่ากลยุทธ์นี้ในไทยจะมีมาไม่น้อยกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว แต่ก็ยังเป็นการตลาดที่ได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากในที่มีผู้คนพลุ่งพล่านใบปลิวหรือป้ายบิวบอร์ดเหล่านี้ ก็จะช่วยทำให้พวกเขาเห็นแบรนด์สินค้าของเราได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นป้ายทางด่วน หรือการติดและสติ๊กเกอร์บนรถไฟฟ้า BTS  ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์เสริมที่ช่วยทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักได้มากขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้ถ้าคุณจะเลือกทำการตลาดด้วยวิธีนี้ก็ควรที่จะหาทำเลดีๆ หรือหาจังหวะเหมาะๆ ไม่เช่นนั้นการลงทุนก็อาจจะเสียเปล่าได้เช่นกัน

ยอดขายตก

 

6 การโฆษณาผ่านช่องทีวี หรือรายการออนไลน์

ปัจจุบันมีรายการออนไลน์ หรือช่องทีวี ที่ได้รับความนิยมและเรตติ้งดีมากมาย จึงไม่แปลกที่จะมีสปอนเซอร์หรือโฆษณาเข้ามาในรายการ ตรงนี้คุณอาจจะต้องวางแผนให้ดีๆว่า เราจะซื้อโฆษณากับรายการไหน หรือช่องไหน ที่จะทำให้เราได้ลูกค้ามากที่สุด โดยอาศัยกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่แรก เช่น ถ้าเป็นสินค้าประเภทแม่และเด็ก ก็อาจจะไปลงโฆษณากับช่องการ์ตูนหรือช่องบันเทิงต่างๆ ก็จะช่วยเรียกยอดขายได้ดี กว่าการเอาโฆษณาไปลงช่องรายการข่าว หรือรายการสัมภาษณ์ อื่นๆ

ยอดขายตก

 

7.การทำสื่อลงบน Social Media Marketing + Live สด

หากคุณมีสินค้าในมืออยู่ สามารถทำคลิปรีวิวสั้นๆ ได้ด้วยตัวเอง แล้วนำไปลงช่องทางต่างๆ อย่างเช่น  Real Facebook,  IG,   TikTok, Twitter, YouTube,  Lemon8  ซึ่งหากในอนาคต คลิปรีวิวในแพลตฟอร์มต่างๆมีมากพอก็จะกลายเป็นพอร์ต polio ชั้นดี ในการโปรโมทสินค้าของคุณด้วยเช่นกัน นอกจากนี้คุณควรมีกิจกรรม Live สดขายสินค้า เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยอาจจะคิดค้นโปรโมชั่นสำหรับราคาพิเศษ ในช่วงที่กำลัง Live เพื่อให้มีคนเข้ามาซื้อสินค้ากับคุณมากขึ้น กลยุทธ์นี้อาจจะดูฟังแล้วเหนื่อย แต่ถ้าหากทำแล้วประสบความสำเร็จขึ้นมา ก็จะทำให้คุณมียอดขายที่พึงพอใจได้อย่างแน่นอน

ยอดขายตก

 

8.ให้คนอื่นช่วยขายให้ ด้วยกลยุทธ์ Affiliate Marketing

หากคุณขายสินค้าด้วยตัวเองไม่ไหว หรือต้องการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น การใช้ affiliate เข้ามาช่วยจะตอบโจทย์คุณแน่นอน เนื่องจากมันคือการเชิญช่วยให้คนเข้ามาเป็นนายหน้าขายสินค้าให้กับเรา และเมื่อเราให้ผลตอบแทนพวกเขาในจำนวนที่น่าสนใจ และดึงดูดมากพอ ก็จะยิ่งมีคนมาสมัครเป็นนายหน้าให้กับเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์เหมือนมีคนมาช่วยขายของนั้นแหละ แถมเรายังเหนื่อยน้อยลงด้วย ซึ่งกลยุทธ์นี้มักเห็นใน Shopee และ Lazada อยู่เป็นประจำ ซึ่งคุณอาจจะยอมเสียกำไรนิดๆหน่อยๆ ให้พวกเขาไป แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าคุ้มกว่าการโปรโมทโฆษณาด้วยการยิงแอด

ยอดขายตก

 

บทสรุป

ยอดขายตก ทำยังไงดี กลยุทธ์ 8 ข้อที่ได้กล่าวมานี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการรับทำ Seeding , SEO, Asd , รีวิว, การโปรโมท ตามแพลตฟอร์มต่างๆ, การเปิดรับนายหน้า ฯลฯ คือคำตอบ และเป็นกลยุทธ์ที่เราสามารถทำได้ทันที หากประสบความสำเร็จแล้วรับรองว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายของคุณได้อย่างมหาศาล ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นเพียงการแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจจะทำธุรกิจในระยะยาว คุณควรมีที่ปรึกษาทางธุรกิจที่ชำนาญ เพื่อให้ธุรกิจของคุณ สามารถประคับประคองไปได้ตลอดรอดฝั่ง